ประวัติความเป็นมาของศาลแม่พิมพ์ เล่ากันว่า นางพิมพ์เป็นลูกสาวคนเดียวของเจ้าเมืองสุพรรณบุรี นามว่า พันธ์ นางพิมพ์อยู่กับบิดาแค่สองคน เพราะมารดาของนางพิมพ์ได้เสียไปตั้งแต่นางพิมพ์ยังเด็กๆ จนกระทั่งเข้าช่วงศึกสงครามกับพม่า พม่าได้ยกทัพมาตีไทย และเคลื่อนทัพมาจนถึงเมืองสุพรรณ และตั้งใจจะยึดเมืองสุพรรณเป็นศูนย์บัญชาการทัพในการเข้าตีเมืองหลวง เจ้าเมืองพันธุ์เห็นว่าตนคงไม่สามารถต้านรับกองทัพพม่าได้ และเกรงว่าเมื่อพม่ายึดเมืองแล้ว อาจจะเป็นอันตรายต่อตนและบุตรสาว เจ้าเมืองพันธุ์จึงปลอมตัวเป็นชาวบ้านธรรมดา โดยให้ทุกคนเรียกตนว่า ตาพัน และให้นางพิมพ์ปลอมตัวเป็นผู้ชาย พร้อมทั้งรวบรวมคนใกล้ชิด พากันลงเรือสำเภาหนีออกจากเมืองสุพรรณ เจ้าเมืองพันธ์ได้ให้โหรประจำเมืองดูว่าควรจะเดินทางไปยังทิศไหนดี โหรได้ทำนายว่าหากเดินทางไปทางทิศตะวันออกจะสมความปรารถนา แต่ก็ต้องพบกับอุปสรรคใหญ่เสียก่อน
เจ้าเมืองพันธ์ุและนางพิมพ์จึงเดินทางมุ่งไปยังตะวันออก ผ่านปากน้ำสมุทรปราการ ออกทะเล แล่นเรือผ่านทางเขาสามมุข เลียบเลาะชายฝั่งเพื่อหาทำเลที่เหมาะกับการตั้งหลักปักฐาน เมื่อเรือแล่นมาถึง "ช่องแสมสาร" ช่องทางเดินเรือเล็กๆ ระหว่างแหลมแสมสาร และหมู่เกาะ ที่อยู่ในอำเภอสัตหีบ ขณะนั้นเองได้เกิดพายุ คลื่นลมแรงและพัดเรือจนกระแทกหินโสโครกแตก ทำให้นางพิมพ์ถึงกับหมดสติไป หลังจากนั้นทั้งหมดได้หยุดพักฟื้นอยู่ที่อู่ตะเภาเพื่อซ่อมเรือ แล้วเดินทางต่อ จนกระทั่งมาเจอบริเวณแหลมแม่พิมพ์ ที่คิดว่าเป็นทำเลที่เหมาะที่จะตั้งรกราก นางจึงได้หยุดและอาศัยอยู่บริเวณนี้กับบิดา นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าต่อมาอีกว่า วันหนึ่งตาพัน บิดาของนางพิมพ์หายไป หาเท่าไหร่ก็ไม่พบ นางพิมพ์จึงเข้าไปนั่งทำสมาธิในถ้ำ จนกระทั่งได้เสียชีวิตลงในถ้ำนั้นเอง หลังจากนางได้เสียชีวิตลง ชาวบ้านได้ช่วยกันตั้งศาลเจ้าแม่พิมพ์ไว้บริเวณแหลมแม่พิมพ์ เพื่อเป็นการระลึกถึงคุณความดีของนางพิมพ์ ซึ่งถือเป็นศาลศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อกันว่าหากใครต้องการมีลูก แล้วมาขอลูกที่ศาลแม่พิมพ์ ก็มักจะได้
เจ้าเมืองพันธ์ุและนางพิมพ์จึงเดินทางมุ่งไปยังตะวันออก ผ่านปากน้ำสมุทรปราการ ออกทะเล แล่นเรือผ่านทางเขาสามมุข เลียบเลาะชายฝั่งเพื่อหาทำเลที่เหมาะกับการตั้งหลักปักฐาน เมื่อเรือแล่นมาถึง "ช่องแสมสาร" ช่องทางเดินเรือเล็กๆ ระหว่างแหลมแสมสาร และหมู่เกาะ ที่อยู่ในอำเภอสัตหีบ ขณะนั้นเองได้เกิดพายุ คลื่นลมแรงและพัดเรือจนกระแทกหินโสโครกแตก ทำให้นางพิมพ์ถึงกับหมดสติไป หลังจากนั้นทั้งหมดได้หยุดพักฟื้นอยู่ที่อู่ตะเภาเพื่อซ่อมเรือ แล้วเดินทางต่อ จนกระทั่งมาเจอบริเวณแหลมแม่พิมพ์ ที่คิดว่าเป็นทำเลที่เหมาะที่จะตั้งรกราก นางจึงได้หยุดและอาศัยอยู่บริเวณนี้กับบิดา นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าต่อมาอีกว่า วันหนึ่งตาพัน บิดาของนางพิมพ์หายไป หาเท่าไหร่ก็ไม่พบ นางพิมพ์จึงเข้าไปนั่งทำสมาธิในถ้ำ จนกระทั่งได้เสียชีวิตลงในถ้ำนั้นเอง หลังจากนางได้เสียชีวิตลง ชาวบ้านได้ช่วยกันตั้งศาลเจ้าแม่พิมพ์ไว้บริเวณแหลมแม่พิมพ์ เพื่อเป็นการระลึกถึงคุณความดีของนางพิมพ์ ซึ่งถือเป็นศาลศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อกันว่าหากใครต้องการมีลูก แล้วมาขอลูกที่ศาลแม่พิมพ์ ก็มักจะได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น